The Chiang Mai Old Town ทำให้เรารักเชียงใหม่ขึ้นมาเป็นกอง ทริปนี้ทุกอย่างสะดวกสบาย หรูหราในราคาเบาจับต้องได้ สิ่งที่เรารักใน The Chiang Mai Old Town นอกจากทำเลที่เป็น the heart of Chiang mai แล้วยังมีรายละเอียดมากมายที่สัมผัสได้ว่าที่นี่เค้าดูแลแขกที่เข้าพักด้วยการต้อนรับที่มาจากใจจริงๆ

การดูแลแขกของ The Chiang Mai Old Town น่าประทับใจตั้งแต่แรกมาถึง สามารถจอดรถไว้ด้านหน้าโรงแรมได้เลย ที่จอดริมถนนแต่ว่าปลอดภัยค่ะ ล็อบบี้อยู่ใกล้ๆกัน ซึ่งความประทับใจคือ welcome drink และขนมต่างๆมีเตรียมไว้ให้ตลอดทั้งวัน เป็นเลาจน์ที่สามารถมานั่งเล่น ดื่มกาแฟ อ่านหนังสือ หรือหากแม้เช็คเอาท์แล้วต้องนั่งรอไฟลท์ก็มานั่งเล่นได้ค่ะ

The Chiang Mai Old Town กับสิ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ นี่คือทำเลใจกลางเมืองเชียงใหม่ที่ดีที่สุด ที่พักตั้งอยู่ติดถนนที่สามารถเดินทางไปยังถนนคนเดินท่าแพ นอกจากนี้วัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวงก็อยู่ใกล้ๆ หากจะจัดทริปไหว้พระเก้าวัดก็สามารถทำได้ครบโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน หรือหากชอบหาของอร่อยๆทาน พักผ่อนแบบ slow travel แถวนี้ร้านอาหารและร้านกาแฟให้เลือกเยอะมาก แต่ถ้าไม่อยากไปไหนไกล The Vorra Bistro คาเฟ่ของโรงแรมก็น่านั่งไม่เบา สะดุดตาตั้งแต่แรกเข้ามา The Vorra Bistro เสิร์ฟเมนูเครื่องดื่มกาแฟหลากหลาย และตอนเย็นยังมีอาหารสไตล์ฟิวชั่นหลากหลายเมนูในราคาที่เห็นแล้วต้องว้าว ใครที่ผ่านไปมาอาจจะคิดว่าแพงแน่เลย แต่หากลองเปิดเมนูแล้วเห็นราคาอาจจะสั่งมารัวๆ อาหารนอกจากหน้าตาดีแล้ว ก็ยังอร่อยอีกด้วย สำหรับที่นั่งมีให้บริการทั้งลุคหรูหรา indoor หรือสบายๆ outdoor

อาหารที่เราทานกันวันนี้เป็นอาหารอิตาเลี่ยนสไตล์ดั้งเดิม อร่อยมาก และราคาน่ารักมาก ในกรุงเทพฯไม่มีราคานี้แน่นอนค่ะ วัตถุดิบแบบนี้และบรรยากาศแบบนี้ เริ่มจากเสิร์ฟขนมปังอบสดใหม่ให้มาทานเล่นก่อน ขนมปังหอมๆอุ่นๆ ทานกับเนยระหว่างรออาหาร จากนั้นไม่นานก็มี truffle soup มาเสิร์ฟ คือดีงามมาก หอมทรัฟเฟิลเข้มข้น สอดไส้มาในแป้งบางๆ ตักมาทานคู่กับแป้งที่เสิร์ฟมาด้วยกัน คนรัก truffle พลาดไม่ได้ จากนั้นเราเบรคความเข้มข้นหอมชีสหอมเนยกันมาที่ tuna tarta เผ็ดนิดๆ ทานแล้วสดชื่น จาน main คือ Coq Au Vin & Poached Black Cod อร่อยเช่นกัน ส่วนขนมคืออร่อยมากโดยเฉพาะ Pistachio Tiramisu กับ Amenovil

มาดูที่ห้องพักกัน The Chiang Mai Old Town เปิดให้บริการห้องพักทั้งหมด 5 room types สำหรับห้องที่เราพักเป็นห้องเริ่มต้นที่ไม่เหมือนห้องเริ่มต้นเลย Deluxe King ตกแต่งหรูหราสไตล์ contemporary ใช้สีโทนอุ่นและเข้มที่ทำให้ห้องพักดูอบอุ่นน่านอนในขณะเดียวกันก็สร้างบรรยากาศหรูหราน่าค้นหา ห้องพักกว้าง 40 ตารางเมตร มีโซฟานุ่มน่านอนสำหรับดูทีวี ซึ่งนอนสบายขนาดที่เราเผลอหลับมาแล้ว ส่วนเตียงนอนใช้เครื่องนอนแบบพรีเมี่ยมนอนแล้วไม่อยากลุกเลยทีเดียว ห้องน้ำขนาดกว้างใช้สอยสบาย มีระเบียงทุกห้อง

Deluxe Twin or King with Bathtub ตกแต่งเหมือนกันกับห้อง Deluxe King หากใครอยากได้ระเบียงและอ่างอาบน้ำก็ต้องเป็นห้องนี้ค่ะ เพิ่มพื้นที่เป็น 50 ตารางเมตร สะดวกสบายด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบเช่นกัน

ห้อง type สูงสุดของ The Chiang Mai Old Town เป็นห้องพักที่ตั้งอยู่ในเรือนไม้โบราณ ได้รับการรีโนเวทภายในใหม่เป็นเรือนพักหรู The Heritage House Suite with Balcony ที่ยังคงอนุรักษ์ความคลาสสิคแบบดั้งเดิมไว้ และปรับปรุงให้ทันสมัยน่าพักผ่อนยิ่งขึ้น ห้องพักมีขนาด 60 ตารางเมตร

สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมมีสระว่ายน้ำที่ตั้งอยู่ใจกลางที่พัก มองเห็นทุ่งข้าวนาขั้นบันไดจำลอง บางครั้งก็ทำให้เราคิดถึงญี่ปุ่นขึ้นมาเลย นอกจากนี้ก็มีฟิตเนสและสปา

The Vorra Spa สปาที่นวดดีมาก จนรู้สึกว่า 1 ชั่วโมงที่จองไปไม่พอ นวดดีตรงเส้น บรรยากาศสปาสงบ เป็นสปาขนาดกะทัดรัดที่บรรยากาศสบายๆ ผ่อนคลาย นวดเสร็จมีข้าวเหนียวมะม่วงให้ทานด้วย เป็นข้าวเหนียวมะม่วงที่อร่อยมากเลยค่ะ

อาหารเช้าเสิร์ฟที่ห้องอาหาร The Vorra Bistro เป็นเมนู a la carte ที่เลือกมาทานได้ไม่อั้น ทุกจานปรุงสดใหม่ และใช้วัตถุดิบอย่างดี เราประทับใจกับเมนูอาหารเช้าแบบ Provence ไม่เคยเห็นที่โรงแรมไหนเสิร์ฟมาก่อนเลย มะเขือยาวอบพร้อมชีสแสนอร่อย มีแป้งบางคล้ายเครปห่อหุ้มใส่ข้างในที่อัดแน่นไปด้วยชีส เห็ด และผักโขม หอมอร่อยเข้ากันดีมากเลยค่ะ นอกจากนั้นก็มีออร์เดิร์ฟเหนือ เสิร์ฟมาอย่างละนิดละหน่อยจุ๋มจิ๋มน่าเอ็นดู แกงฮังเล น้ำพริกอ่อง แคปหมู หมูปิ้ง ผักลวก ส่วนชุดขนมปังและผลไม้จะเสิร์ฟให้โต๊ะละ 1 เซ็ท

จบทริปเชียงใหม่กันไปแบบพุงกาง แถมได้รูปอีกเยอะแยะเลยค่ะ ส่วนตัวคิดว่าที่ The Chiang Mai Old Town เหมาะกับคนที่อยากเที่ยวในตัวเมืองเชียงใหม่ ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารมีชื่อ เป็นบรรยากาศชิคๆทันสมัย ในราคาที่เข้าถึงได้ ที่พักใหม่ สะอาด สิ่งอำนวยความสะดวกมีให้ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสปา เรียกว่าคุ้มค่าเลยล่ะค่ะ